มากกว่าแค่นักรบ
ถือกำเนิดในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นมีสงครามกลางเมืองระบาดไปทั่วในระหว่างยุคเซนโกะคุ (กลางศตวรรษที่ 15 จนถึงปลายศตวรรษที่ 17) มาซามุเนะสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วและกลายมาเป็นนักรบเจ้ากลยุทธ์ โหดเหี้ยมและทะเยอทะยานตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับการขนานนามว่า “โดคุกังริว” (มังกรตาเดียว เพราะเขาสูญเสียตาข้างหนึ่งให้กับไข้ฝีดาษตั้งแต่อายุยังน้อย) ในค.ศ. 1604 โทคุงะวะ อิเอะยะสุ ไดเมียวผู้รวมประเทศญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์ภายใต้การปกครองแบบรวมศูนย์ มอบรางวัลแก่มาซามุเนะเป็นฐานะเจ้าที่ดินในอาณาเขตเซนไดเพื่อตอบแทนความภักดีของเขา ทำให้เขาเป็นไดเมียวที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภูมิภาค
ตรงข้ามกับชื่อเสียงที่น่าหวาดกลัวของเขา มาซามุเนะเป็นบุรุษผู้มีการศึกษาและผู้อุปถัมภ์ศิลปะแขนงต่างๆ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดความสนใจที่เขามีต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของภูมิภาค ซึ่งทั้งสองสิ่งสามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงยุคโบราณ ด้วยความต้องการให้เซนไดแข่งขันกับภูมิภาคเกียวโต-โอซาก้า เขาทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อขยายการค้าและทำให้อาณาบริเวณสวยงาม โทโฮคุ ครั้งหนึ่งเคยเป็นพื้นที่ห่างไกลของญี่ปุ่น รุ่งโรจน์ในฐานะที่หมายสำหรับการท่องเที่ยวและการค้าอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มาซามุเนะโอบรับประเพณีดั้งเดิม เขาก็ยังเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องโอบรับชาวต่างชาติด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีและความรู้ของพวกเขา เขากระตุ้นให้ชาวต่างชาติมาเยี่ยมเยือนภูมิภาคของเขา และถึงขั้นส่งทูตไปกับฆวน เบาทิสตา (เรือที่สร้างด้วยเทคโนโลยีของยุโรป) เพื่อไปพบกับพระสันตะปาปา ในขณะที่ยังไปเยือนฟิลิปปินส์ สเปน และเม็กซิโกด้วย
นอกจากนี้ มาซามุเนะมีปรัชญาเฉพาะตัวเกี่ยวกับการให้บริการที่สะท้อนถึงความซาบซึ้งในศิลปะอย่างลึกซึ้งของเขา เขามีความลุ่มหลงในอาหาร เมื่อมอบความบันเทิงให้กับแขกผู้มาเยือน เขาจะสร้างสรรค์เมนูสำหรับแต่ละคน ชิมและนำเสนออาหาร การแสดงให้ผู้มาเยือนได้เห็นถึงความใส่ใจระดับสูงสุดและความใส่ใจด้วยการปรุงอาหารสะท้อนให้เห็นถึงสัมผัสด้านสุนทรียะของเขา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพิธีชงชาญี่ปุ่นและ Noh (ละครเพลงแบบดั้งเดิม) เป็นมากกว่าผู้คนทั่วไป มาซามุเนะแสดงออกถึงความเป็นตัวเขาที่ลุ่มลึกอย่างยิ่งและเป็นบุคคลผู้มีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์
ความรู้ด้านวัฒนธรรมของมาซามุเนะ รวมไปถึงนโยบายการปกครองของเขาได้ให้กำเนิดวัฒนธรรม”ดาเตะ” ซึ่งแผ่ขยายออกไปทั่วเมืองแห่งปราสาท และในท้ายที่สุด ไปถึงยังชุมชนโทโฮคุที่อยู่ไกลออกไป แต่วัฒนธรรม”ดาเตะ” คืออะไรกันแน่
โดยย่อ นี่คือวัฒนธรรมอันสง่างามที่เคารพความรุ่งเรืองของประเพณีในขณะที่โอบรับแนวความคิดใหม่ๆ นอกเหนือจากนี้ ยังซาบซึ้งกับความงามระดับสูงสุดและความสบบูรณ์แบบในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งความอ่อนน้อมถ่อมตน ผู้มาเยือนย่อมอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นหลักการเหล่านี้ที่แสดงออกมาในระหว่างที่พวกเขาสำรวจโทโฮคุ สิ่งเหล่านี้ยังคงสะท้อนออกมาในวิถีชีวิตของชาวโทโฮคุในทุกวันนี้ ผ่านชิ้นงานศิลปะแบบดั้งเดิม การปรุงอาหาร และมุมมองที่มีต่อชีวิตโดยทั่วไป
เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับมาซามุเนะ:
ซากปรักหักพังของปราสาทเซนได
ฮวงซุ้ยซุยโฮะเดนของมาซามุเนะ
ค่าเข้า:500 เยน
พิพิธภัณฑ์เมืองเซนได
สัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมดาเตะในปัจจุบัน
เซนได ทันสุ (Sendai-Tansu) – งานฝีมืออันล้ำค่า
แต่เดิมนั้น ทันสุถูกใช้เป็นของตกแต่งบ้านที่เคลื่อนย้ายได้ ซึ่งพ่อค้าและซามูไรสามารถเก็บสิ่งของส่วนตัวของพวกเขาไว้ได้ ทำจากไม้บอนไซญี่ปุ่นและไม้เกาลัด ทันสุแต่ละชิ้นจะทำขึ้นด้วยมืออย่างละเอียดประณีต เคลือบทับด้วยน้ำยาเคลือบผิวแบบคิจิโระอุรุชิ (kijio-urushi – ไม่มีสี) ประดับตกแต่งและทำลายนูนด้วยลวดลายมังกรโลหะ สิงโตแบบจีนหรือดอกโบตั๋น ด้วยอายุ 80 ปี เอคิจิ ยะเอะงะชิ ถือเป็นหนึ่งในช่างฝีมือทันสุที่เป็นที่เคารพมากที่สุดในเซนได ในฐานะรุ่นที่สี่ของครอบครัวผู้สานต่องานฝีมือดั้งเดิมนี้ เขาสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะน่าตื่นตะลึงที่กุมความงามอันปฏิเสธไม่ได้ของวัฒนธรรม”ดาเตะ” ไว้ได้อย่างแท้จริง
โชเคอิคาคุ (Shokeikaku) – วัฒนธรรมอาหารจากสุนทรียะของมาซามุเนะ
ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พักอาศัยของตระกูลดาเตะ ผู้ย้ายมาที่นี่หลังจากที่ต้องสละอาณาบริเวณของพวกเขาในค.ศ. 1867 เนื่องมาจากการปฏิวัติเมจิ ทุกวันนี้ บังกะโลไม้สองชั้นแห่งนี้เป็นร้านอาหารยอดนิยมและสถานที่สำหรับจัดงานในโอกาสพิเศษ มองจากด้านบนลงมายังทิวทัศน์สวนญี่ปุ่นอันงดงาม ที่นี่มีร้านอาหารท้องถิ่นที่นำเสนอมาในเซนได ทันสุของเซนไดขนาดเล็กน่ารัก ไฮไลต์อื่นยังมีการจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์และมรดกหลายชิ้น รวมไปถึงเสื้อเกราะสีดำอันเป็นเอกลักษณ์เด่นของมาซามุเนะ และหมวกเกราะประดับพระจันทร์เสี้ยวสีทองด้วย