หลังเดินทางมาถึงจังหวัดมิยะงิ เราก็มุ่งหน้าสู่ ศาลเจ้า Shiogama Jinja เป็นแห่งแรกศาลเจ้าแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่ย้อนรอยได้ถึงศตวรรษที่ 9 อีกทั้งยังเก็บรักษาโคมไฟในสวนแบบโบราณที่มัตสึโอะ บะโช เคยใช้เวลามาเยือนศาลเจ้า ตอนเราแวะไปภายนอกศาลเจ้ามีสีแดงและเหลืองอันเจิดจ้าของใบไม้เปลี่ยนสีเข้าปกคลุมนอกจากนี้ก็มี ศาลเจ้า Shiwahiko Jinja ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นจุดที่สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของอ่าว Matsushima โดยไม่มีสิ่งใดบดบัง
อ่าว Matsushima เป็นหนึ่งในสามสุดยอดทิวทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นจุดเด่นคือมีเกาะขนาดเล็กจำนวน 260 เกาะที่มีขนาดแตกต่างกันวางตัวกระจัดกระจายทั่วผืนทะเลกล่าวกันว่าทัศนียภาพอันเลอเลิศนี้คือเหตุผลที่ทำให้กวีกลอนไฮกุตัดสินใจออกเดินทางตั้งแต่แรกเพราะเขาอยากเห็นความงดงามนั้นกับตาตัวเอง
น่าเสียดายที่มัตสึโอะ บะโช ไม่ได้ทิ้งกลอนไฮกุเกี่ยวกับมัตสึชิมะให้เราได้ชื่นชมอาจเป็นเพราะว่าเขาอยากให้ทุกคนได้ไปชมความงามของมัตสึชิมะด้วยตาตัวเองก็เป็นได้
คาวาอิ โซระ เป็นลูกศิษย์ที่ติดตามมัตสึโอะ บะโช เขาเคยเขียนกลอนไฮกุเกี่ยวกับ เกาะ Oshima (มีสะพานเชื่อมกับมัตสึชิมะ) โดยแสดงความรู้สึกเสียใจที่ดอกอาเซเลียที่เบ่งบานไม่อาจขับขานได้ดั่งนกกระเรียน มิเช่นนั้นก็จะยิ่งเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้แก่เกาะแห่งนี้ แม้เราจะไม่ได้ยินเสียงที่โซระปรารถนาทัศนียภาพแบบพาโนรามาอันน่าตื่นตาตื่นใจของป่าที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีก็สร้างความพึงพอใจ ให้พวกเราจนเกินพอในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวของมัตสึชิมะนั้น สิ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ วัด Entsuin, วัด Zuiganji และ ห้องพิธีชงชา Kanrantei