คาวาโกเอะถูกเรียกว่า “Little Edo” เพราะที่นี่มีบ้านเรือนสมัยเอโดะและเมจิหลงเหลืออยู่มากมาย เหมือนกับได้ย้อนเวลามาเดินเล่นในเมืองโบราณ บรรยากาศของที่นี่สัมผัสได้ถึงการผสมผสานของวัฒนธรรมดั้งเดิมและความสมัยใหม่ ใช้เวลาหนึ่งวันสบายๆที่คาวาโกเอะและเดินตามรอยประวัติศาสตร์กัน

Kawagoe Kimono Rental Koto

เลือกลายที่ตัวเองชอบ หรือจะให้เจ้าหน้าที่แนะนำก็ได้
เจ้าหน้าที่จะสอนวิธีผูกโอบิหลากหลายแบบ

ที่ร้าน Kawagoe Kimono Rental Koto ทุกคนสามารถลองประสบการณ์สวมชุดกิโมโน เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยเราสวมชุดเพื่อแปลงโฉมมาอยู่ในชุดประจำชาติญี่ปุ่นอันงดงาม หากลองเดินเล่นในคาวาโกเอะไปเรื่อยๆ นอกจากจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาแล้ว ยังกลมกลืนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของตึกรามบ้านช่องอันเก่าแก่ ชุดกิโมโนมีหลายแบบให้เลือกจนตาลาย ถ้าเลือกไม่ถูกลองให้เจ้าหน้าที่แนะนำก็ดีเหมือนกัน มั่นใจได้เลยว่าจะได้ชุดที่เหมาะกับเรามากที่สุดแน่นอน

ที่อยู่ : Asamori Building 2F, Shintomi, 1-8-3 Shintomi, Kawagoe, Saitama
เวลาทำการ : 10:00 – 18:00 น. (คืนชุดได้ถึง 17:00 น.)
การเดินทาง : เดิน 4 นาทีจากสถานี Hon-Kawagoe (รถไฟสาย Seibu-Shinjuku)

เยี่ยมชมย่านโกดังเก่า

อาคารและโกดังอันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ตั้งอยู่เรียงราย
“Toki no Kane” ในปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 4 และยังคงส่งเสียงก้องไปทั่วเมืองทุกวัน

ครั้งหนึ่งคาวาโกเอะเคยเป็นเมืองปราสาทมาก่อน อาคารในตอนนั้นถูกอนุรักษ์ให้คงเดิมจนถึงปัจจุบัน แต่เนื่องจากอาคารส่วนใหญ่ในสมัยเอโดะเป็นอาคารไม้ จึงเกิดเหตุไฟไหม้อยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่นั้นรัฐบาลเลยเริ่มก่อสร้างให้แต่ละซอยกว้างขึ้น ในขณะเดียวกันเหล่าพ่อค้าก็เริ่มสร้างอาคารแบบโกดังและอาคารหลังคากระเบื้องที่ทนไฟได้ดีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และถูกสืบทอดมาเรื่อยๆโดยพ่อค้าในคาวาโกเอะ หลังจากนั้นยังได้เสริมความแข็งแรงให้ทนไฟมากขึ้นอีกจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ อาคารที่ผ่านเรื่องราวมากมายและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ให้เราได้ชื่นชม

ย่านอาคารโกดังเต็มไปด้วยโกดังยุคเอโดะกว่า 20 หลัง และโกดังแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นแบบนี้มีชื่อเรียกว่า “คุระ” ในปัจจุบันคุระเหล่านี้ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารบ้าง ร้านขายของฝากบ้าง แต่ยังคงบรรยากาศแห่งยุคเอโดะให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ท่ามกลางเหล่าคุระก็มี “Toki no Kane” ที่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ให้คาวาโกเอะ หอระฆังนี้ผ่านเหตุการณ์ไฟไหม้มาหลายครั้ง แต่ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันคือรุ่นที่ 4 ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่นั่นเอง หอระฆังจะส่งเสียง 4 ครั้งต่อวัน เพิ่มกลิ่นอายความขลังให้ย่านคุระได้เป็นอย่างดี

การเดินทาง : ลงสถานี Hon-Kawagoe (รถไฟสาย Seibu-Shinjuku) เดิน 12 นาที หรือนั่งรถ Koedo Loop Bus ลงที่ป้าย Kura no Machi และเดินต่ออีก 3 นาที

Katsuobushi Nakaichi Honten

ร้าน Nakaichi Honten เปิดกิจการมาตั้งแต่สมัยเอโดะ และเคยเป็นร้านขายปลามาก่อน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปก็หันมาขายของแห้ง เช่นสาหร่ายคอมบุ ปลาซาร์ดีนแห้ง และปลาคัตสึโอะแห้งที่ขาดไม่ได้ในอาหารญี่ปุ่น หลังจากนั้นย่านคุระในคาวาโกเอะก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยว เจ้าของร้านรุ่นที่ 6 มีความตั้งใจที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมการกินปลาแห้ง จึงเริ่มทำข้าวปั้นย่างที่ใส่ปลาคัตสึโอะและปลาอิวาชิแห้งลงไป ข้าวปั้นที่ทาด้วยโชยุจะหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เพียงคำเดียวรสชาติกลมกล่อมของปลาแห้งก็จะซึมซาบไปทั่วทั้งปาก แม้จะเป็นเมนูอันแสนเรียบง่าย แต่ก็อัดแน่นไปด้วยรสชาติเข้มข้น ใครอยากชิมต้องรีบไปต่อแถวนะ!

ที่อยู่ : 5-2 Saiwaicho, Kawagoe, Saitama
เวลาทำการ : 10:00 – 19:00 น. [ข้าวปั้นย่าง] ขายสินค้าทั่วไปตั้งแต่ 12:00 น. (หยุดวันอังคารและพุธ)
วันหยุด : วันพุธ

Kashou Umon (Toki no Kane-ten)

ถ้ามาคาวาโกเอะก็ต้องห้ามพลาดกับเมนูมันหวาน
“อิโมะโคอิ” ร้อนๆ

คาวาโกเอะเคยเป็นแหล่งผลิตหลักของมันหวานมาก่อน ชาวบ้านติดใจกับความหวานของมันชนิดนี้ มันหวานจึงเริ่มแพร่กระจายมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันคาวาโกเอะอาจจะผลิตมันหวานได้น้อยลง แต่ผู้คนยังคงมีภาพจำของมันหวานคาวาโกเอะอย่างชัดเจน เมนูจากมันหวานจึงกลายเป็นเมนูที่ห้ามพลาดเมื่อได้มาเยือนคาวาโกเอะ

ร้าน “Kashou Umon” มีสาขาอยู่ใกล้ๆ Toki no Kane
มีซอฟต์ครีมรสมันม่วงให้ได้ชิม น่ารักแล้วก็อร่อย

Kashou Umon เป็นร้านขนมญี่ปุ่นในท้องถิ่น ในร้านมีขนมมากมายที่ทำจากมันหวาน หนึ่งในนั้นคือขนมยอดนิยมอันดับหนึ่ง “อิโมะโคอิ” แป้งเหนียวนุ่มทำจากมันเทศและข้าวเหนียว ด้านในสอดไส้ด้วยถั่วแดงบดและมันหวานชิ้นโต ทานทีเดียวจะได้ลิ้มรสทั้งสองวัตถุดิบ มาเดินทอดน่องในย่านคุระ พลางชิม “อิโมะโคอิ” ที่นึ่งเสร็จร้อนๆกันเถอะ ความหวานหอมนี้จะอยู่ในความทรงจำที่คาวาโกเอะแน่นอน อีกหนึ่งอย่างที่ฮิตไม่แพ้กันคือซอฟต์ครีมรสมันม่วง!

ที่อยู่ : 15-13 Saiwaicho, Kawagoe, Saitama
เวลาทำการ : 9:00 – 18:00 น.

Koedo Kurari

โรงเหล้าสาเกที่มีอายุกว่า 120 ปีถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่เป็น “Koedo Kurari” ด้านในแบ่งออกเป็นหลายคุระ มีตั้งแต่ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ไทโช และโชวะ มีทั้งร้านขายของฝาก ร้านอาหาร และบริการให้ชิมสาเก ถ้าอยากสัมผัสความเป็นคาวาโกเอะแบบเต็มๆต้องห้ามพลาดที่นี่เลย

คุระที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคเมจิตอนกลางถูกทำให้เป็นร้านขายของฝากชื่อว่า “Omiyagesho” เมื่อเข้าไปจะได้เห็นโครงสร้างหลังคาแบบโคยะคุมิ ได้กลิ่นอายประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ด้านในอาคารจะรวบรวมสินค้าที่เป็นตัวแทนของคาวาโกเอะไว้มากมาย รวมถึง “kura café” ที่มีทั้งของฝาก กาแฟ และของทานเล่นให้ทุกคนได้นั่งพัก ส่วนคุระที่ถูกสร้างในยุคเมจิตอนต้นถูกจัดเป็น “Kikizakesho” คุระทั้งสองหลังมีโครงสร้างที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด Kikizakesho รวบรวมผลิตภัณฑ์อาหารหมักดองไว้มากมาย ทั้งเหล้าสาเก โชยุ และมิโสะที่ผลิตในไซตามะกว่า 35 แห่ง แถมยังมีตู้กดอัตโนมัติให้ลองชิมสาเก 500 เยนจะแลกได้เหรียญมา 4 เหรียญ เท่ากับว่าจะได้ลองสาเกถึง 4 ชนิด มีตั้งแต่สาเกที่มีจำนวนจำกัดและสาเกที่โด่งดังในท้องถิ่น สำหรับใครที่เป็นคอเหล้าสาเกต้องห้ามพลาด

ที่อยู่ : 1-10-1 Shintomi, Kawagoe, Saitama
เวลาทำการ : [Omiyagesho] 10:00 – 18:00 น. (เดือนมิ.ย. – พ.ย.), 11:00 – 19:00 น. (เดือนก.ค. – ต.ค.)
[Kikizakesho] 11:00 – 19:00 น.
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี Hon-Kawagoe (รถไฟสาย Seibu-Shinjuku)

Taisho Roman Dream Street

ถนน Taisho Roman Dream Street เต็มไปด้วยอาคารแบบ “คัมบัง เคนจิกุ” อันเป็นเอกลักษณ์
ภายนอกของร้าน “Modern-Tei Taiyouken” ก็มีเอกลักษณ์จนได้จดทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้

ที่นี่เคยเป็น “ย่านการค้ากินซ่า” ของคาวาโกเอะมาก่อน แต่ร้านค้าต่างๆก็เริ่มถอนตัวออกไป และเริ่มแผนโครงสร้างเมืองแบบใหม่ขึ้น พื้นถูกปูด้วยหิน อาคารทั้งสองข้างก็กลายเป็นอาคารแบบตะวันตกที่เรียกว่า “คัมบัง เคนจิกุ” (อาคารคอนกรีตที่ใช้เป็นร้านค้าและที่อยู่อาศัย ด้านหน้าอาคารเป็นทรงสี่เหลี่ยมสำหรับการแปะแผ่นป้ายโฆษณา จึงถูกเรียกด้วยชื่อนี้ (คัมบัง = แผ่นป้ายโฆษณา)) หลังจากนั้นจึงเกิดเป็น Taisho Roman Dream Street แห่งนี้ ระหว่างทางที่จะมุ่งหน้าไปยังย่านคุระ ที่มุมถนนจะได้พบกับหอการค้าสไตล์กรีกโรมันที่มีประวัติศาสตร์กว่า 90 ปี เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลย นอกจากนี้ยังมี ”Kawagoe Art Café Elevato” และ “Modern-Tei Taiyouken” ที่อยู่ใกล้กับย่านคุระ ทั้งคู่เป็นอาคารแบบตะวันตกที่แสดงยุคสมัยได้อย่างชัดเจนและโดดเด่น

“Kawagoe Art Café Elevato” ก็เป็นอาคารจากสมัยไทโช
ภายในร้านได้บรรยากาศแบบเรโทร พักดื่มกาแฟที่นี่ก่อนจะเดินเล่นต่อก็ดีเหมือนกัน

Kawagoe Art Café Elevato
ที่อยู่ : 6-4 Nakamachi, Kawagoe, Saitama
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานี Hon-Kawagoe (รถไฟสาย Seibu-Shinjuku)

Modern-Tei Taiyouken
ที่อยู่ : 1-1-23 Motomachi, Kawagoe, Saitama
การเดินทาง : เดิน 16 นาทีจากสถานี Hon-Kawagoe (รถไฟสาย Seibu-Shinjuku)

Kashiya Yokocho

“Kashiya Yokocho” หรือที่เรียกกันว่า “ตรอกลูกกวาด” มีร้านขายขนมตั้งอยู่เรียงราย

ร้านค้าใน Kashiya Yokocho เริ่มกิจการกันมาตั้งแต่ยุคเมจิ และพื้นที่นี้เคยเป็นเมืองในละแวกวัดที่มีชีวิตชีวามาก่อน หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโต ที่นี่รับหน้าที่ด้านการผลิตแทนโตเกียว จึงว่ากันว่ามีร้านค้ากว่า 70 ร้านเปิดกิจการขึ้นในช่วงต้นยุคโชวะ ปัจจุบันในตรอกลูกกวาดมีร้านค้าประมาณ 20 ร้านที่รวบรวมขนมโบราณและขนมจากมันหวานคาวาโกเอะให้ผู้คนได้มาชิม

การเดินทาง : ขึ้นรถ Koedo Loop Bus ลงที่ป้าย Kashiya Yokocho เดินต่ออีก 1 นาที

ปราสาทคาวาโกเอะ พระราชสำนักฮอนมารุโกะเทน

ปราสาทคาวาโกเอะแห่งนี้เคยเป็น “โอนาริ โกะเทน” หรือสถานที่พำนักของโชกุนมาก่อน แต่ในภายหลังครอบครัวของโชกุนมาพำนักน้อยลงเรื่อยๆ จึงถูกรื้อถอนออกเป็นพื้นที่ว่าง หลังจากนั้น “นิ โนะ มารุ” (ด้านนอกของปราสาทหลัก) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้าของปราสาทก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงสร้างขึ้นใหม่ พร้อมถือโอกาสสร้างโกะเทนบนพื้นที่ว่างไปด้วยเลย ณ ตอนนั้นถือเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง แต่เมื่อเข้าสู่ยุคเมจิ ปราสาทคาวาโกเอะก็ถูกรื้อถอน อาคารบางส่วนถูกใช้เป็นอาคารเรียน อาคารที่หลงเหลือในปัจจุบันจึงเป็นเพียงแค่ 1 ใน 8 ของทั้งหมดเท่านั้น แต่ที่นี่ก็ยังคงมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนมารุโกะเทนอยู่เสมอ

เมื่อเข้าไปด้านในจะมองเห็นห้องโถงใหญ่ได้ทันที ในตำนานว่ากันว่าผู้คนมาเยือนปราสาทกันเพื่อรอการกลับมาของเจ้าของปราสาท เมื่อเดินไปจนสุดทางเดินไม้ก็จะพบกับสวนญี่ปุ่น และถัดไปจะเป็นห้องพักคนรับใช้ ถ้านั่งบนระเบียงจะได้ชมความงามของสวนอย่างเงียบสงบ ละครชื่อดังทั้งเรื่อง “Furin Kazan” และ “JIN-2” ก็ถูกถ่ายทำขึ้นที่นี่ ถ้าได้มาเยือนจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบในละครเลยแหละ

ที่อยู่ : 2-13-1 Kuruwamachi, Kawagoe, Saitama
เวลาทำการ : 9:00 – 17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:30 น.)
วันหยุด : วันศุกร์ที่สี่ของทุกเดือน, 28 ธ.ค. – 4 ม.ค.
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 100 เยน, เด็กมัธยมและนักศึกษา 50 เยน, ตั้งแต่เด็กประถมลงไป ฟรี
การเดินทาง : เดิน 23 นาทีจากสถานี Hon-Kawagoe (รถไฟสาย Seibu-Shinjuku) หรือขึ้นรถ Koedo Loop Bus แล้วลงที่ป้าย Honmaru Goten

วัดคิตะอิน

ระหว่างทางไปวัดคิตะอิน
วัดคิตะอินซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานมีผู้ศรัทธามาสักการะอยู่เสมอ

ชื่อเต็มอย่างเป็นทางการของที่นี่คือ “Seiyasan Muryoujuji Kita-in” ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1,200 ปีที่แล้ว ถือเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีอาคารที่นำปราสาทเอโดะมาสร้างขึ้นใหม่ รวมถึงห้องโถงแขกซึ่งเป็นสถานที่เกิดของโชกุนโตกุกาวะ อิเอมิตสึ และ “โชอิน” ห้องเครื่องแป้งของท่านหญิงคะสุกะผู้เป็นแม่นม จึงเต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์

“Go-Hyaku Rakan” เป็นจุดแนะนำของที่นี่
ถ้าหารูปปั้นสัตว์ตามราศีของตัวเองเจอ พรที่ขออาจจะเป็นจริงก็ได้นะ

ภายในวัดคิตะอินมีรูปปั้นพระอรหันต์อยู่กว่า 538 รูป การแสดงออกบนใบหน้าของรูปปั้นจะแตกต่างกันออกไป ทั้งยิ้มแย้ม ร้องไห้ โกรธ และอีกหลากอารมณ์ และยังมีรูปปั้นตามปีนักษัตรทั้ง 12 ในตำนานบอกว่าให้หารูปปั้นตามปีนักษัตรของตนเองให้พบ ลูบที่หัวของรูปปั้นพร้อมกับขอพร แล้วพรนั้นจะสมหวัง นอกจากจะได้สักการะที่อุโบสถหลักแล้ว ยังได้ชื่นชมร่องรอยประวัติศาสตร์ และขอพรจากรูปปั้นอีกด้วย

เวลาที่เปิดให้สักการะ : [1 มี.ค. – 23 พ.ย.] (วันธรรมดา) 8:50 – 16:30 น., (วันอาทิตย์และวันหยุด) 8:50 – 16:50 น.
[24 พ.ย. – ปลายเดือนก.พ.] (วันธรรมดา) 8:50 – 16:00 น., (วันอาทิตย์และวันหยุด) 8:50 – 16:20 น.
วันหยุด : 25 ธ.ค. – 8 ม.ค., 2-3 ก.พ., 2-5 เม.ย.
*หากภายในวัดมีการทำพิธีกรรมทางศาสนาอื่นๆ จะไม่เปิดให้เข้าสักการะ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 400 เยน, เด็กประถม – มัธยมต้น 200 เยน
ที่อยู่ : 1-20-1 Kosenba, Kawagoe, Saitama
การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจากสถานี Hon-Kawagoe (รถไฟสาย Seibu-Shinjuku) หรือนั่งรถ Koedo Loop Bus แล้วลงที่ป้าย Kitain

CREAMALL

ลองไปเดินเล่นในย่านการค้าใกล้สถานี จะได้เห็นการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นในปัจจุบัน

เมื่อมาเที่ยวที่คาวาโกเอะ เราจะได้ย้อนเวลาไปอยู่ในโลกอีกใบ สัมผัสบรรยากาศของยุคเอโดะ เมจิ และไทโช แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ใกล้สถานีฮงคาวาโกเอะมีย่านการค้า “CREAMALL” ที่ให้บรรยากาศแห่งยุคโชวะและเฮเซ รวมถึงปัจจุบัน ผ่านวิถีชีวิตของผู้คนที่ขวักไขว่ในย่านนี้ ถ้าได้ลองสัมผัสกลิ่นอายของทุกยุคสมัยก็คงน่าสนใจไม่น้อย ถนนความยาว 900 เมตรเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายแบบให้เลือกชิม เป็นโอกาสดีที่จะได้ลิ้มรสวัฒนธรรมญี่ปุ่นของแท้

การเดินทาง : เดิน 4 นาทีจากสถานี Hon-Kawagoe (รถไฟสาย Seibu-Shinjuku)

เทศกาลคาวาโกเอะ

เทศกาลคาวาโกเอะมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 370 ปี จัดขึ้นวันเสาร์และอาทิตย์ที่สามในเดือนตุลาคมของทุกปี เพื่อที่จะสะท้อนบรรยากาศของเทศกาล “เทงกะไซ” ในสมัยเอโดะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง นอกจากจะถูกจดทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติทางวัฒนธรรมพื้นบ้านแล้ว ขบวนแห่รถของเทศกาลคาวาโกเอะก็ได้จดทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอีกด้วย นับเป็นอีกประเพณีที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างเต็มเปี่ยม
ตอนกลางวันสามารถชื่นชมตัวรถแห่ ที่มีรายละเอียดทั้งบนหุ่น ลายปักบนผ้า และโครงสร้างของตัวรถเอง เมื่อตกกลางคืนรถแห่จะส่องสว่างขึ้น กลายเป็นบรรยากาศอีกแบบที่ยิ่งฟ้ามืดก็จะยิ่งสวยงาม เครื่องประดับบนรถแห่เคลื่อนไหวไปตามทำนองเสียงขลุ่ย ฆ้อง และกลองไทโกะ และจะถูกขบวนแห่พาเดินไปตามย่านคุระ รถแห่ที่เดินสวนกันจะผลัดกันเล่นดนตรี สร้างความครื้นเครงให้เทศกาลมากยิ่งขึ้น

วันจัดเทศกาล : วันเสาร์และอาทิตย์ที่สามของเดือนตุลาคมในทุกปี

SEIBU KAWAGOE PASS ตั๋วรูปเคร่ืองราง

ตั๋วรูปเครื่องรางใบนี้มีจำหน่ายให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น สามารถใช้นั่งรถไฟสาย SEIBU จากสถานี Seibu-Shinjuku, Takadanobaba และ Ikebukuro มาถึงสถานี Hon-Kawagoe ได้อย่างสะดวกสบาย หากต้องการนั่งรถด่วนพิเศษจะต้องชำระแยกต่างหากอีก 500 เยน ตั๋วน่ารักใบนี้เก็บไว้เป็นของที่ระลึกได้เลย

SEIBU 1Day Pass + Nagatoro

ตั๋ว 1Day Pass ใบนี้ให้ทุกคนนั่งรถไฟตลอดสาย Seibuได้ไม่อั้น และเมื่อเพิ่ม 500 เยน จะได้นั่งรถไฟสาย Chichibu (ตั้งแต่สถานี Nogami ถึง Mitsumineguchi) ได้อีกอย่างอิสระ ถ้ามีแพลนจะไปเที่ยวชิชิบุให้เต็มที่ ต้องห้ามพลาดพาสใบนี้เลย!

เส้นทาง SAITAMA Platinum คาวาโกเอะ->ชิชิบุ->นางาโทโระ

เพื่อที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเยยี่มชมกัน ทางจังหวัดจึงจัดคาวาโกเอะ ชิชิบุ และนากะโทโระเป็นคอรส์ SAITAMA Platinum Route เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว พอเดินเล่นที่โคเอโดะคาวาโกเอะเสร็จแล้ว ก็ไปเที่ยวนอนค้างคืนกันที่ชิชิบุ วันรุ่งขึ้นก็ไปล่องแม่น้ำชมวิวโขดหินกันที่นากะโทโระ ไม่ว่าใครที่ได้มาคอร์สนี้จะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม

Comments