นั่งรถไฟจากโตเกียวประมาณ 80 นาทีก็จะมาถึงเมืองจิจิบุอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ทิวทัศน์ของที่นี่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เหมาะที่สุดสำหรับใครที่อยากหนีความวุ่นวายในเมือง มาพักผ่อนท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ นอกจากนี้เสน่ห์ของจิจิบุยังมีให้ค้นหาอีกมากมาย รวมถึงเทศกาลที่มีประวัติศาสตร์กว่า 300 ปี จิจิบุแห่งนี้จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานอย่างครื้นเครงทุกวัน

ความงดงามของธรรมชาติในจิจิบุ

จิจิบุถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขา พื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้กว่าครึ่ง จึงทำให้อุณหภูมิขึ้นลงอย่างชัดเจน รวมถึงทิวทัศน์ของ 4 ฤดูกาลก็แบ่งออกอย่างเห็นได้ชัด ฤดูใบไม้ผลิดอกชิบะซากุระจะเบ่งบาน พรมสีสดใสจะแผ่กว้างไปทั่วสวนฮิทสึจิยามะ เป็นที่ที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ฤดูร้อนจะเป็นฤดูแห่งดอกโซบะ ถือเป็นทิวทัศน์ที่หาชมได้ยาก ในฤดูใบไม้ร่วงต้นไม้รอบตัวจะถูกย้อมเป็นสีโทนอุ่น กลายเป็นวิวใบไม้แดงที่ดูเหมือนภาพวาด เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว เสาน้ำแข็งที่เป็นต้นตอแห่งความหนาวเหน็บจะประกอบกันเป็นบรรยากาศน่าค้นหา จนเกือบลืมความหนาวไปเลยทีเดียว

ฤดูใบไม้ผลิ : เนินดอกชิบะซากุระ (สวนฮิทสึจิยามะ)

สวนฮิทสึจิยามะถูกปกคลุมด้วยพรมสีชมพูของดอกชิบะซากุระ กลายเป็นทิวทัศน์ที่หาไม่ได้ที่ไหน

ฤดูใบไม้ผลินอกจากจะเป็นฤดูแห่งดอกซากุระที่บานสะพรั่งแล้ว ช่วงกลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม ดอกชิบะซากุระกว่าสี่แสนดอกจะบานไปทั้งเนินในสวนฮิทสึจิยามะ พรมดอกไม้สีสดใสมีขนาดกว้างกว่า 17,600 ตารางเมตร มีพื้นหลังเป็นภูเขาบุโคอันเป็นสัญลักษณ์ของจิจิบุ

ที่อยู่ : 6360 Omiya, Chichibu, Saitama
การเดินทาง : ลงสถานี Seibu-Chichibu หรือสถานี Yokoze เดินต่ออีก 20 นาที

ฤดูร้อน : จิจิบุฮานะมิ โนะ ซาโตะ

เขตอาราคาวะเมืองจิจิบุอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ และเป็นเมืองแห่งโซบะ ใน 1 ปีจะเก็บเกี่ยวโซบะได้ 2 ครั้ง เรียกว่า “โซบะฤดูร้อน” และ “โซบะฤดูใบ้ไม้ผลิ” ตามฤดูกาลที่เก็บเกี่ยว ถือเป็นโซบะที่หายาก ช่วงต้นเดือน – กลางเดือนมิถุนายน ถ้าได้มาเยือนจิจิบุฮานะมิ โนะ ซาโตะ ก็จะได้ชมดอกโซบะสีขาวดอกจิ๋วดูน่ารัก เป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงฤดูเก็บเกี่ยวโซบะแล้ว นอกจากจะได้ชื่นชมดอกไม้ แน่นอนว่าจะได้ชิมโซบะอร่อยๆอีกด้วย

ที่อยู่ : 413-3 Arakawakamitano, Chichibu, Saitama
การเดินทาง : เดิน 20 นาทีจากสถานี Bushu-Nakagawa (รถไฟสาย Seibu)

ฤดูใบไม้ร่วง : ทั่วทั้งจิจิบุ

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ป่าไม้ทั่วทั้งจิจิบุจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแดง กลายเป็นทิวทัศน์ของใบไม้ที่ไล่สีสวยงาม ตามแนวแม่น้ำในหุบเขานากัตสึกาวะ หน้าผาและหินก้อนใหญ่ปะปนกันดูแปลกตา ถือเป็นจุดชมวิวอันเป็นตัวแทนแห่งจิจิบุด้านใน มาเยี่ยมเยียนหุบเขาโอทาคิ・ทาคิกาวะ ชมสะพานขนาดใหญ่ที่พาดระหว่างหุบเขา วิวใบไม้แดงที่อยู่ด้านหลังสวยงามจนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด

ช่องแคบนากัตสึ
การเดินทาง : จากสถานี Mitsumineguchi (รถไฟสาย Seibu) ขึ้นรถบัสสาย Nakatsugawa ลงที่ป้าย Nakasori

หุบเขาทาคิกาวะ
การเดินทาง : จากสถานี Mitsumineguchi (รถไฟสาย Seibu) ขึ้นรถบัสสาย Nakatsugawa ลงที่ป้าย Chichibu-ko ขึ้น เปลี่ยนไปขึ้นรถบัสสาย Kawamata ลงที่ป้าย Kawamata เดินต่ออีก 10 นาที

ฤดูหนาว : เสาน้ำแข็งที่มิโซทสึจิ

ที่ชายฝั่งอาราคาวะในเขตโอทาคิของจิจิบุมีน้ำใสที่ผุดขึ้นมาจากหิน เมื่ออุณหภูมิลดลงจนติดลบ น้ำจะเริ่มแข็งตัวและซ้อนกันเป็นชั้น ทับถมกันมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสาน้ำแข็ง ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นฤดูแห่งกาลชมวิวสุดพิเศษของเสาน้ำแข็งแห่งมิโซทสึจิ ไม่ต้องไปถึงเมืองเหนือที่หนาวสุดขีดก็สามารถชมวิวน้ำแข็งได้ใกล้ๆโตเกียว เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางคืน เสาน้ำแข็งจากธรรมชาติจะถูกประดับด้วยไฟหลากสีด้วยความสูง 10 เมตร และความกว้าง 30 เมตร กลายเป็นบรรยากาศอันน่าค้นหา และจะประทับใจผู้คนที่มาชมไปอีกนาน นอกจากนี้ยังมีโซนจัดเสาน้ำแข็งที่สร้างด้วยมือ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะยิ่งทึ่งกับความงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง

การเดินทาง : จากสถานี Seibu-Chichibu (รถไฟสาย Seibu-Chichibu) เปลี่ยนไปขึ้นรถบัส ลงที่ป้าย Misotsuchi เดินต่ออีก 5 นาที

Chichibu Geo Gravity Park

สตาฟจะช่วยตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ให้อย่างเคร่งครัด สบายใจหายห่วง
ลองท้าทายกับ “Canyon Walk” แผ่นไม้จะห่างออกจากกันมากกว่าที่อื่น ทำให้ใจเต้นทุกย่างก้าว

นอกจากชมวิวแล้ว ถ้าใครอยากสัมผัสธรรมชาติด้วยต้องมาที่นี่เลย “Chichibu Geo Gravity Park” ตั้งอยู่ในบริเวณแม่น้ำอาราคาวะ มีกิจกรรมมากมายให้ทุกคนได้มาผจญภัย ทั้ง “Canyon Walk” สะพานแขวนสุดหวาดเสียวบนความสูงของหุบเขาอาราคาวะ และ “Canyon Fly” กิจกรรมโหนสลิงอันน่าตื่นเต้น มาตรฐานความปลอดภัยของที่นี่เต็มร้อยอยู่แล้ว แต่สะพานแขวนที่มีความสูงกว่า 50 เมตรและความยาว 100 เมตรคงทำให้ใจหายได้ไม่เบา แผ่นไม้ที่วางห่างกันทำให้หวาดเสียวทุกครั้งที่ย่างเท้า เมื่อเอาชนะความกลัวและข้ามถึงฝั่งแล้ว Canyon Fly จะพาเรากลับเอง โหนสลิงผ่านหุบเขาอาราคาวะท่ามกลางบรรยากาศสดชื่น ถ้ามีเวลาหน่อยก็คงได้ชมแม่น้ำอาราคาวะอย่างหนำใจ ใครที่ยังรู้สึกท้าทายไม่พอ ต้องลอง “Canyon Swing” ที่เหมือนกับชิงช้าขนาดยักษ์ ให้ความรู้สึกเหมือนได้บินอยู่บนฟ้า

บินข้ามหุบเขาอาราคาวะกับ “Canyon Fly”
ได้ชมวิวหุบเขาด้วย

ที่อยู่ : 730-4 Niekawa, Arakawa, Chichibu, Saitama
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานี Mitsumineguchi (รถไฟสาย Chichibu)
*ต้องจองก่อนล่วงหน้า

ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ

“ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ” พาวเวอร์สป็อตที่ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในแถบคันโต

ศาลเจ้ามิตสึมิเนะถูกเรียกว่าเป็นพาวเวอร์สป็อตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในแถบคันโต เป็นหนึ่งใน “จิจิบุซังฉะ” (ศาลเจ้าแห่งจิจิบุทั้งสาม) รวมกับศาลเจ้าจิจิบุและศาลเจ้าโฮโดซัง ทั้งสามศาลเจ้าคอยปกป้องรักษาเมืองจิจิบุมาตั้งแต่สมัยโบราณ ศาลเจ้ามิตสึมิเนะตั้งอยู่ในภูเขาลึก ทำให้เป็นจุดชมวิวธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย ระหว่างสัมผัสพลังงานภายในศาลเจ้าก็สามารถชมทะเลหมอกที่แผ่กระจาย ซากุระบานสะพรั่ง ใบไม้แดงดูอบอุ่น หรือจะเป็นหิมะในฤดูหนาว เป็นเหตุผลที่นอกจากผู้มิจิตศรัทธาแล้วก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนเสมอ

ที่อยู่ : 298 – 1
การเดินทาง : ลงสถานี Seibu-Chichibu (รถไฟสาย Seibu-Chichibu) เปลี่ยนไปขึ้นรถบัสสาย Seibu ปลายทาง Mitsumine Jinjya หรือ ลงสถานี Mitsumineguchi (รถไฟสาย Chichibu) เปลี่ยนไปขึ้นรถบัสสาย Seibu
*รสบัสเที่ยวสุดท้ายจากศาลเจ้ามิตสึมิเนะ : 16:30 น.

เทศกาลจิจิบุโยมัตสึริ

เทศกาลจิจิบุโยมัตสึริมีประวัติศาสตร์กว่า 300 ปี

เทศกาลจิจิบุโยมัตสึริจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 2 – 3 ธันวาคมของทุกปี มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 300 ปี และเป็นหนึ่งในสามเทศกาลใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีการแห่รถลาก รวมกับเทศกาลกิองของเกียวโต และเทศกาลทากะยามะของฮิดะ การแห่รถลากและดนตรีของเทศกาลจิจิบุโยมัตสึริยังถูกเลือกให้เป็นมรกดโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้อีกด้วย

รถลากขนาดใหญ่มีน้ำหนัก 12 – 20 ตัน เมื่อถูกแห่สวนทางกันจะเหลือระยะห่วงแบบฉิวเฉียดจนน่าหวาดเสียว เมื่อถึงตอนกลางคืนไฟของรถลากก็จะสว่างขึ้น เสียงตะโกน “โฮไร โฮไร” จะดังขึ้นประกอบกับเพลงบรรเลงแบบดั้งเดิม รถลากอันสง่างามประกอบกับดอกไม้ไฟบนฟ้ายามราตรีเปรียบเหมือนผลงานชิ้นเอก ถือเป็นไฮไลท์ของเทศกาลจิจิบุโยมัตสึรินี้เลย

วันที่จัดเทศกาล : 2 – 3 ธันวาคมของทุกปี

Matsuri no Yu ออนเซ็นหน้าสถานี Seibu-Chichibu

“Matsuri no Yu” มีทั้งออนเซ็น ศูนย์อาหาร และร้านขายของฝากจากจิจิบุ ด้านในตกแต่งด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ โดยเฉพาะออนเซ็นที่อยู่ด้านใน มีบ่อออนเซ็นกลางแจ้งให้แช่กันอย่างสบายใจ ยังมีออนเซ็นแบบโซดา และสปาหินร้อนให้ได้ลองด้วย เหนื่อยจากการท่องเที่ยวแล้วมาผ่อนคลายที่นี่ได้เลย

หรือถ้าอยากลองเมนูในจิจิบุให้หนำใจ ต้องมุ่งหน้าไปที่ฟู้ดคอร์ท ที่นี่มีเจลาโต้ที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น เหมาะที่สุดสำหรับการเป็นรางวัลแสนอร่อยให้ตัวเอง นอกจากนี้ยังมีทั้งขนมและเหล้าสาเกที่วางขายอยู่ในโซนขายของฝากจากจิจิบุ จะซื้อไว้เป็นที่ระลึก หรือจะนำไปฝากเพื่อนๆและครอบครัวให้รู้จักกับจิจิบุก็ดีเหมือนกัน

เวลาทำการ : [ออนเซ็น] 10:00 – 23:00 น. (เปิดให้เข้ารอบสุดท้าย 22:30 น.) (วันจันทร์ – พฤหัส, วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
10:00 – 24:00 น. (เปิดให้เข้ารอบสุดท้าย 23:30 น.) (วันศุกร์ เสาร์ ก่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันที่กำหนด)
[ศูนย์อาหารและร้านขายของฝาก] แตกต่างกันไปตามร้านค้า
ค่าเข้าออนเซ็น : นักเรียนประถม – ผู้ใหญ่ 980 เยน, เด็กอายุ 3 ขวบ – เด็กประถม 600 เยน (วันธรรมดา) / นักเรียนประถม – ผู้ใหญ่ 1,080 เยน, เด็กอายุ 3 ขวบ – เด็กประถม 710 เยน (วันเสาร์อาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์)
ที่อยู่ : 1-16-15 Nosaka, Chichibu, Saitama
การเดินทาง : สถานี Seibu-Chichibu (รถไฟสาย Seibu-Chichibu)

เมนูท้องถิ่น “บุตะมิโสะด้ง” (ข้าวหน้าหมูมิโสะ)
“ดับเบิ้ลด้ง” ผสมผสานวาราจิคัตสึกับบุตะมิโสะเข้าด้วยกัน ได้ชิมทั้งสองอย่างไปเลย

เมนูแห่งจิจิบุ

ในจิจิบุมีธรรมเนียมการเก็บรักษาเนื้อหมูด้วยการหมักในมิโสะ สมัยก่อนมักจะใช้เนื้อหมูป่า และค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นเนื้อหมูในปัจจุบัน และไม่นานก็เกิดเป็น “บุตะมิโสะด้ง” (ข้าวหน้าหมูมิโสะ) ข้าวร้อนๆโปะด้วยหมูหมักมิโสะรสกลมกล่อมช่วยกระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเมนู “จิจิบุวาราจิคัตสึด้ง” (ข้าวหน้าหมูทอดวาราจิ) ด้วยขนาดของหมูทอดที่ใหญ่เท่าวาราจิ (รองเท้าแตะฟาง) จึงเกิดเป็นชื่อนี้ขึ้นมา ข้าวร้อนๆทานกับหมูทอดชิ้นโตราดด้วยซอสสูตรพิเศษจนชุ่มฉ่ำ ความอร่อยบรรเลงอยู่ภายในปากเหมือนเพลงซิมโฟนี เป็นเมนูที่ห้ามพลาดจริงๆ อ่านแล้วอยากลองชิมทั้งคู่เลยใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง เพราะที่นี่มีเมนู “ดับเบิ้ลด้ง” ที่ผสมผสานทั้งบุตะมิโสะและวาราจิคัตสึเข้าไว้ด้วยกัน จะได้ชิมทั้งสองแบบอย่างไม่เสียเที่ยว

เส้นทาง SAITAMA Platinum คาวาโกเอะ->ชิชิบุ->นางาโทโระ

เพื่อที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเยยี่มชมกัน ทางจังหวัดจึงจัดคาวาโกเอะ ชิชิบุ และนากะโทโระเป็นคอรส์ SAITAMA Platinum Route เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว พอเดินเล่นที่โคเอโดะคาวาโกเอะเสร็จแล้ว ก็ไปเที่ยวนอนค้างคืนกันที่ชิชิบุ วันรุ่งขึ้นก็ไปล่องแม่น้ำชมวิวโขดหินกันที่นากะโทโระ ไม่ว่าใครที่ได้มาคอร์สนี้จะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม

Comments