เรื่องราวของโตเกียวที่เปลี่ยนจากชนบทเป็นเมืองทันสมัยในช่วงปี 1960 ดำเนินไปในระยะเวลาเพียงครึ่งศตวรรษ ภาพจำของโตเกียวตามแบบฉบับของคนทั่วไปกลายเป็นแรงบันดาลให้ภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner ของผู้กำกับ Ridley Scott ภาพเมืองที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงระฟ้า ไฟ LED สีแสบตา จอทีวีขนาดยักษ์ที่ฉายเพลงเจป๊อป และตึกรามบ้านช่องที่ดูล้ำสมัย แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยังหลงเหลือร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ไว้ให้เห็น ความแตกต่างอันสุดโต่งนี้ทำให้โตเกียวช่างดึงดูดผู้คนภายนอกเหลือเกิน ผู้อยู่อาศัยก็เห็นถึงเสน่ห์ที่ควรค่าแก่การรักษาไว้เช่นกัน
ถ้าใครอยากเข้าใกล้ประวัติศาสตร์โอลิมปิกให้มากยิ่งขึ้น ในโตเกียวมีหลายสถานที่ที่จะพาเราย้อนเวลาไปยังวันแห่งความรุ่งโรจน์ในปี 1964 ว่ากันว่าหลายแห่งผ่านการปรับปรุงใหม่อย่างหนักในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา แต่กลิ่นอายแห่งความอ่อนน้อมเมื่อตอนเริ่มต้นก็ยังคงหลงเหลืออยู่
สถานที่ 5 แห่ง และอีก 1 ยานพาหนะเหล่านี้เป็นชิ้นส่วนสำคัญของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโตเกียว ล้วนเป็นการสรรเสริญแด่การปฏิรูปเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และกลายเป็นรากฐานของมหานครที่โตเกียวเป็นอยู่ทุกวันนี้
สวนโยโยงิ (Yoyogi Park)
สวนโยโยงิเป็นหนึ่งในพื้นที่สีเขียวที่ดีที่สุดใจกลางเมืองโตเกียว ตั้งอยู่ท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวหลักหลายแห่ง เช่น ชิบุยะ ฮาราจูกุ และโอโมเตะซันโด ที่นี่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านโอลิมปิก 1964 และโรงยิมแห่งชาติโยโยงิที่ออกแบบโดย Kenzo Tange ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดการแข่งขันแฮนด์บอลในโอลิมปิก 2020
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-014.jpg)
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-015.jpg)
นิปปอน บุโดคัง (Nippoin Budokan)
นิปปอน บุโดคังตั้งอยู่ในสวนคิตะโนะมารุ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสนามแข่งยูโดในโอลิมปิก 1964 เป็นที่รู้จักด้วยการออกแบบรูปแปดเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ โด่งดังจากการแข่งนัดสุดท้ายระหว่างชายร่างยักษ์ชาวเนเธอร์แลนด์ Antonius Johannes Geesink กับนักยูโดอัจฉริยะชาวญี่ปุ่น Akio Kaminaga ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ชื่อดังในการจัดโอลิมปิก 1964 ที่ควรค่าแก่การมาเยือน และจะเป็นสนามแข่งยูโดและคาราเต้ในโอลิมปิก 2020 ด้วย
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-016.jpg)
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-017.jpg)
รถไฟโมโนเรล (Tokyo Monorail)
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-018.jpg)
รถไฟโมโนเรล หรือรถไฟระบบรางเดี่ยว วิ่งจากสนามบินฮาเนดะสู่ตัวเมือง และเพิ่งจะครบรอบ 55 ปีในปี 2019 เป็นตัวอย่างแห่งการปรับปรุงโครงสร้างระบบการคมนาคมใหม่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโตเกียวเพื่อต้อนรับโอลิมปิก 1964 รถไฟยังเปิดให้บริการในปัจจุบัน ยังคงรวดเร็วและตรงต่อเวลาเช่นเคย
The Okura Tokyo (อาคารหลัก Hotel Okura Tokyo)
The Okura Tokyo ตั้งอยู่กลางย่านมินาโตะ เป็นโรงแรม 5 ดาวที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1962 สองปีก่อนที่จะเกิดงานโอลิมปิก 1964 อาคารหลักแห่งประวัติศาสตร์ปิดตัวลงในปี 2015 และผ่านการปรับปรุงใหม่ตลอดระยะเวลา 4 ปี จนได้เปิดตัวอีกครั้งในเดือนกันยายน 2019 และยังคงเหลือลอบบี้ของโรงแรม Hotel Okura Tokyo ไว้เป็นเอกลักษณ์เช่นเดิม
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-019.jpg)
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-020.jpg)
ทางด่วนมหานคร
ทางด่วนมหานครถูกสร้างครั้งแรกระหว่างเคียวบาชิและมินาโตะในปี 1962 เพื่อเตรียมพร้อมให้การจราจรไหลลื่นมากขึ้นสำหรับโอลิมปิก 1964 ปัจจุบันกลายเป็นเครือข่ายทางด่วนที่มีความยาวกว่า 300 กม. พาดผ่านหลายย่านของเมืองโตเกียว แม้จะขัดกับทัศนียภาพอันสวยงาม แต่ทางด่วนเหล่านี้ก็เป็นตัวอย่างที่สัมผัสได้ของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคกลางศตวรรษที่ 20 และยังทำให้เดินทางภายในเมืองได้ง่ายขึ้นด้วยรถยนต์
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-021.jpg)
สวนโคมาซาวะ โอลิมปิก (Komazawa Olympic Park)
สวนโคมาซาวะ โอลิมปิกเป็นพื้นที่สีเขียวสาธารณะ และลานกีฬาอเนกประสงค์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อโอลิมปิก 1940 ที่สุดท้ายไม่ได้ถูกจัดขึ้น (เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นเสียก่อน) สนามกีฬาของที่นี่เป็นสนามแข่งฟุตบอลในโอลิมปิก 1964 ส่วนการแข่งมวยปล้ำถูกจัดขึ้นในโรงยิม และกำลังจะมีส่วนร่วมกับโอลิมปิกอีกครั้งในปี 2020
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-022.jpg)
![](https://wattention.com/th/wp-content/uploads/2021/08/Tokyo-023.jpg)