ต้นสนซีดาร์เรียงรายรอบนิกโก จังหวัดโทชิงิ สถานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวให้ค้นหาจำนวนมากตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของเมืองแต่อดีต ตั้งแต่สมัยที่ลัทธิชินโตเริ่มเฟื่องฟู จนถึงช่วงที่สร้างศาลเจ้านิกโกโทโชงูอันเป็นสถานที่อุทิศให้แก่โชกุนโทคุงะวะอิเอะยะสุ และยังเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างชินโตและพุทธอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่หล่อหลอมรวมวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปะ การบริการแบบญี่ปุ่นเข้าไว้ อันเป็นจุดกำเนิดของโรงแรม Kanaya Hotel ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ปีค.ศ. 1873 ต้อนรับแขกชาวต่างาติมาอย่างยาวนาน

โรงแรม Kanaya Hotel : ทางเข้าสู่โลกแห่งอดีต

ฉันนั่งรถบัสจากสถานี Tobu Nikko เพียงแค่ 5 นาที ก็มาถึงยังสะพานShinkyo อันงดงาม แล้วเราก็เห็นโรงแรม Kanaya Hotel อันเป็นจุดหมายอยู่ตรงหน้า

ฉันเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆพร้อมสายลมเย็นพัดโชยโดนใบหน้า แล้วก็พบกับโคมไฟแบบญี่ปุ่นสีแดงอมส้มทำจากไม้ มีตัวอักษรเขียวไว้ว่า KANAYA HOTEL โคมนี้ไม่ได้ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นนัก แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนหลงเข้าไปในฉากประหลาดในหน้าวรรณกรรมชื่อดังซึ่งมีตัวละครมากมายในอดีต

เมื่อมาถึงยังประตูทางเข้าด้านหน้า ฉันก็พบกับสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกแต่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นผสมอยู่ ในฐานะที่เป็นชาวตะวันตก ฉันรู้สึกคุ้นเคย แต่ก็รู้สึกถึงความโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ไปพร้อมๆกัน ทันทีที่เดินผ่านประตูไม้แบบหมุนไป ก็รู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในอดีตราวร้อยกว่าปีที่แล้ว

แม้ว่าที่นี่จะดูเหมือนบ้านไม้อันหรูหราบนภูเขา แต่กลับมีการตกแต่งด้วยศิลปะแบบญี่ปุ่น เช่น การแกะสลักและลงสีไม้ที่ประตู หรือ ที่จับสีแดงในล็อบบี้ที่มักพบในศาลเจ้าแบบชินโต

ผนังด้านหลังเค้าท์เตอร์ทำมาจากหินโอยะ ซึ่งเป็นหินอัคนีที่เกิดจากการแข็งตัวของลาวาและเถ้าถ่าน นิยมนำมาใช้ก่อนสร้างในสมัยเมจิของญี่ปุ่น ผนังได้รับการตกแต่งด้วยภาพที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของโรงแรม Kanaya Hotel คือมิชชันนารีชาวอเมริกานาม เจมส์ เคอร์ติส เฮปเบิร์น และนักเขียนชาวอังกฤษนาม อิซาเบลล่า เบิร์ด

โรงแรม Kanaya Hotel เมื่อปีค.ศ.1921

ต้นกำเนิดแห่งตำนานของโรงแรม

ต้นกำเนิดของโรงแรมเริ่มขึ้นเมื่อ เจมส์ เคอร์ติส เฮปเบิร์น มาเยือนนิกโกเมื่อปีค.ศ.1871 และได้มาพักที่บ้านของนักดนตรีของศาลเจ้านิกโกโทโชงูนามว่า เซนอิจิโร คานายะ จากนั้นเฮปเบิร์นได้เล็งเห็นว่านิกโกเหมาะจะเป็นเมืองท่องเที่ยวในหมู่ชาวต่างชาติได้ จึงแนะนำให้คานายะ ลองเปิดโรงแรมเพื่อต้อนรับแขกต่างชาติ

เซนอิจิโร คานายะ ได้ทำตามคำแนะนำนั้น และได้เปิดบริการที่พักแบบบ้านไม้ในปีค.ศ. 1873 เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่อจากนั้นในปีค.ศ. 1878 อิซาเบลล่า เบิร์ด นักสำรวจและนักเขียนก็ได้มาพักที่โรงแรมขอคานายะ เป็นเวลา 12 วันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากการเดินทางจากโตเกียวไปฮอกไกโด และได้เขียนบันทึกไว้ในหนังสือชื่อ “Unbeaten tracks in Japan” ตีพิมพ์ในปีค.ศ. 1880 บันทึกการเดินทางนี้ เธอได้อธิบายถึงสิ่งต่างๆที่เธอไปพบเจอ สัมผัสประสบการณ์ตลอดช่วงที่อยู่ เธอยังเขียนถึงความคิดของเธอลงไปด้วย รวมถึงข้อความที่ว่า เธอมั่นใจว่าต้องมีชาวต่างชาติคนอื่นอีกที่มาเยือนญี่ปุ่นเหมือนกับเธอ

“ฉันไม่ได้คาดหวังให้ห้องสวยงานถึงเพียงนี้ กลับคิดว่าจะมีรอยหมึกหยดเปื้อน พรมที่แหว่ง หน้าต่างกระดาษที่ขาด” – อิซาเบลล่า เบิร์ด บรรยายเกี่ยวกับห้องพังไว้ในหนังสือ “Unbeaten tracks in Japan”

บ้านประวัติศาสตร์ของโรงแรม Kanaya Hotel ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ถัดจากCottage Inn Restaurant & Bakery

ช่วงระยะเวลาที่อิซาเบลล่า เบิร์ดพักอยู่ที่นี่ในสมัยนั้นโรงแรมยังไม่ได้เป็นตึกเหมือนปัจจุบัน แต่เป็นลักษณะกระท่อมไม้ ที่นี่ถือเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นโบราณและเป็นต้นกำเนิดของโรงแรม Kanaya Hotel ซึ่งมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวว่าเป็น “บ้านซามูไร” ปัจจุบันบ้านประวัติศาสตร์ของโรงแรม Kanaya Hotelซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์นี้ยังคงเปิดให้คนทั่วไปเข้าชม

สมัยเมจิ เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศจึงมีจำนวนชาวต่างชาติเข้ามาในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นิกโกเป็นเมืองที่ชาวต่างชาติอาศัยอยู่ ต่างก็หลงรักสถานที่นี้ แน่นอนว่าโรงแรมKanaya Hotel ก็เป็นสถานที่ที่ชาวต่างชาติล้วนอยากมาเยือน และกลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว โรงแรมKanaya Hotel จึงเป็นเสมือนบ้านที่ต้อนรับคนที่เดินทางมา เช่น เจ้าชายอาร์เธอร์แห่งคอนน็อต ประเทศอังกฤษ เฮเลน เคลเลอร์ นักเขียนชาวอเมริกัน รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์อย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

งานศิลปะและประวัติศาสตร์ที่คงอยู่ทุกซอกทุกมุม

ฉันก้าวเดินไปบนผืนพรมแดงที่โถง ขึ้นบันไดอันเงาวาว แล้วหยุดยืนมองรูปภาพขาวดำของแขก ทำให้อดจินตนาการถึงผู้คนในภาพที่ได้ใช้บันไดนี้เดินขึ้นลงเช่นกัน

ภายในมุมต่างๆของโรงแรมก็เต็มไปด้วยผลงานศิลปะอันทรงเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟสมัยเมจิ สารานุกรมกว่าศตวรรษ เครื่องจานชามโบราณ กระจกที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ส่วนชิ้นที่ฉันชอบมาที่สุดคงเป็นเตาผิงไฟที่ทำจากหินโอยะ ตั้งอยู่ที่บริเวณบาร์ของโรงแรม ว่ากันว่าเตาผิงนี้ออกแบบโดย Frank Lloyd Wright สถาปนิกของโรงแรมImperial ที่โตเกียวซึ่งก่อสร้างโดยใช้หินโอยะเป็นวัสดุเช่นกัน ทำให้ฉันต้องจินตนาการถึงตัวเองอยู่หน้าเตาผิงพร้อมแก้วสก็อตช์ในมือ และถือหนังสือดีๆในมืออีกข้างหนึ่ง

บาร์ “Dacite” ตั้งชื่อตามนักวิทยาศาสตร์หินโอยะ

หลังจากท่องเที่ยวมาราวกับเดินทางร่วมหลายทศวรรษ ในที่สุดเราก็มาถึงห้องพักที่จะค้างคืนนี้ ชั่วครู่เดียวที่เห็นห้องนี้ ฉันรู้สึกสบายจากไออุ่น ความรู้สึกหรูหรา จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์อันโดนเด่นของโรงแรม เพดานห้องก็มีโครงไม้แบบญี่ปุ่นชวนให้นึกถึงห้องแบบทาทามิ หน้าต่างที่มีประตูบานเลื่อน และฮีตเตอร์ไอน้ำที่หาชมยากในญี่ปุ่น

หลังจากพักผ่อนในห้อง ผ่อนคลายกับไออุ่นจากฮีตเตอร์ไอน้ำ ฉันก็ได้ยินเสียงระฆัง เมื่อดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 6 โมงแล้ว ซึ่งพึ่งมาทราบภายหลังว่านั้นเป็นสัญญาณระฆังบอกเวลามื้อเย็นแบบนี้เป็นธรรมเนียมของโรงแรม Kanaya Hotel ในสมัยก่อนการบอกเวลาแบบนี้ถูกนำมาใช้แทนการประกาศแจ้งเวลาอาหาร ฉันจึงมุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร ที่ห้องโถงใหญ่ตกแต่งและประดับอย่างสวยงาม อดตื่นเต้นไม่ได้ว่าจะมีอาหารสุดตระการตาอะไรออกมา

ห้องอาหารที่ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักจากช่างท้องถิ่นผู้มีชื่อเสียง และยังมีเครื่องจานชามโบราณจัดแสดงอยู่ด้วย

อาหารแบบฝรั่งเศสจากวัตถุดิบท้องถิ่น

อาหารที่ฉันได้ลิ้มรสก็คือ ผักอบในแบบฝรั่งเศสที่ใช้วัตถุดิบจากในท้องถิ่น โรงแรม Kanaya Hotelเป็นที่รู้จักในด้านอาหารตะวันตก ผู้คนที่แม้ไม่ได้เป็นแขกที่พัก ก็ต่างพากันมาลิ้มลองมื้อค่ำสุดหรูที่นี่

เช้าวันถัดมา หลังจากอาบน่ำสบายตัวแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร แล้วทานไข่ออมเลทสุดอร่อย หลังจากนั้นฉันก็เดินสำรวจโรงแรม ก่อนที่จะออกไปเที่ยวในเมือง ในช่วงหน้าร้อน แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่หนีมาหลบร้อนอยู่มาก แต่ในช่วงหน้าหนาวก็มีเสน่ห์เช่นกัน ฉันขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อตามหาลานสเกตเก่าแก่และบ่อกลางแจ้ง จุดนี้เป็นที่ชมวิวสุดอลังการที่เรียกว่า “วังมังกร” ซึ่งจะสามารถเห็นวิวของนิกโกและหิมะที่ปกคลุมภูเขาไว้

เมืองที่หวนรำลึกอดีต

ฉันเคยมาเยือนนิกโกเพื่อชมศาลเจ้านิกโกโทโชงูแล้ว ครั้งนี้จึงอยากจะเที่ยวในตัวเมือง เดินชมท้องถนน สำรวจตึกโบราณบ้าง บางทีอาจจะเป็นมนต์สะกดของโรงแรม Kanaya Hotel ก็เป็นได้ ที่ทำให้ฉันเที่ยวตามหางานแกะสลักแบบนิกโกโบริ และทำให้เหมือนหลงกลับเข้าไปในยุคต้นโชวะที่เต็มไปด้วยร้านวัตถุโบราณและร้านแกลารี่งานศิลปะ

NIKKO BUSSAN SHOUKAI เป็นสถานที่ที่ควรมาเยือน ที่นี่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ และมีงานแกะสลักไม้แบบนิกโกโบริหลายชิ้น และยังมีร้านขายของฝากและร้านอาหารที่มีสินค้าอาหารท้องถิ่นจำหน่าย

ระหว่างเที่ยวชมก็ได้พบกับงานแกะสลักแบบนิกโกโบริมากมาย ฉันจึงลองลงมือแกะสลักชิ้นงานของตัวเองที่ร้าน Murakami Toyohachi Shoten แต่โชคไม่ดีนัก มันออกมาไม่น่าพอใจสักเท่าไร

เมื่อรู้แล้วว่าผลงานของตัวเองไม่ประสบความสำเร็จ ฉันก็เลยดูชิ้นงานของศิลปินนิกโกที่ประดับอยู่ที่ร้าน ทั้งจาน ลิ้นชัก กล่องใส่เครื่องประดับ กระจกที่แกะสลักอย่างประณีตสวยงาม ดื่มด่ำกับอารมณ์การชมชิ้นงาน

หลังจากพักที่โรงแรมKanaya Hotelแล้ว ก็ไปเดินเล่นที่ถนนในนิกโก แล้วฉันก็ได้สัมผัสว่าประวัติศาสตร์ของโรงแรมแห่งนี้และเมืองนี้ไม่หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว ทั้งเมืองและโรงแรมอาจจะดูเหมือนแยกกัน แต่มีเอกลักษณ์ที่ส่งต่อผ่านจากอดีตที่หล่อหลอมรวมกันมา

โรงแรม Kanaya Hotel
https://www.kanayahotel.co.jp/eng/

Comments