ทักทายจากหมู่เกาะโอกาซาวาระ (โตเกียว)

โตเกียวยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค. ส่วนหมู่เกาะโอกาซาวาระที่ผมอาศัยอยู่ก็ถูกขอความร่วมมือให้งดการมาเยือนที่เกาะจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. จากการเป็นเกาะที่แยกตัวออกมา ทำให้อุปกรณ์และระบบการตรวจสอบทางการแพทย์ยังไม่พร้อมมากนัก การขนส่งก็ต้องพึ่งพาแค่ทางเรือเท่านั้น จึงกลายเป็นการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดร่วมกันว่าจะไม่ให้มีผู้ติดเชื้อในโอกาซาวาระเด็ดขาด ตอนนี้เลยกำลังพยายามกันอยู่ครับ ปกติทุกปีที่นี่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นทะเล แต่ปีนี้ก็ได้กลับสู่ความเงียบสงบและเฝ้าดูสถานการณ์กันต่อไป หมู่บ้านโอกาซาวาระมีประชากรทั้งหมดประมาณ 2,500 คน จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเลยสักราย แต่ถ้าเกิดมีผู้ติดเชื้อขึ้นมา แม้เพียงคนเดียวก็คงระบาดในชุมชนอย่างรวดเร็ว
ช่วงนี้อาจจะได้อ่านกันแต่ข่าวที่ชวนหดหู่ แต่วันนี้อยากลองชวนทุกคนมาคิดกันดูว่าพอทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้วจะไปเที่ยวที่ไหนดี มาอ่านกันว่าเกาะชิชิจิมะในหมู่เกาะโอซาวาระมีอะไรน่าสนใจบ้าง

ล่องเรือไปยังหมู่เกาะโอกาซาวาระ

หมู่เกาะโอกาซาวาระอยู่ทางทิศใต้ของทาเคชิบะในโตเกียวห่างไป 1,000 กิโลเมตร เข้าถึงได้แค่ทางเรือที่ใช้เวลาเดินทาง 24 ชั่วโมงเท่านั้น ถูกตั้งชื่อว่าเป็นหมู่เกาะกาลาปากอสแห่งตะวันออก เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรที่ไม่เคยเชื่อมต่อกับผืนทวีปเลยสักครั้ง ในหมู่เกาะประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 30 เกาะ เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ แมลง และนกท้องถิ่นให้ได้ชม ด้วยระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ทำให้ถูกจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นแห่งที่ 4 ในญี่ปุ่นด้วย
เรือโอกาซาวาระมารุที่ทอดสมอจอดอยู่ท่ามกลางกลุ่มตึก เมื่อออกเรือแล้วจะลอดใต้สะพานเรนโบว์บริดจ์ทันทีและมุ่งหน้าสู่ทางใต้ของอ่าวโตเกียว สีของน้ำทะเลจะค่อยๆเปลี่ยน เมื่อตื่นมาเช้าวันรุ่งขึ้นจะได้เห็นสีของน้ำทะเลที่เปลี่ยนไปแล้ว
เรือที่เดินทางจากโตเกียวมายังโอกาซาวาระมีเพียง 1 เที่ยวต่อ 6 วัน เราจะมาถึงเกาะชิชิจิมะซึ่งเป็นทางเข้าของโอกาซาวาระในช่วงกลางวัน เมื่อลงมาจากเรือจะรู้สึกถึงความอบอุ่นเหมือนอยู่ในประเทศทางใต้ทันที ทักทายกับชาวเกาะที่มาต้อนรับเสร็จแล้วก็แยกย้ายไปยังที่พัก วางสัมภาระ เปลี่ยนเป็นรองเท้าเตะ สวมหมวกและแว่นกันแดด เสร็จแล้วไปตะลุยเกาะกันเลย

ที่แรกคือทะเล

โลมาอาศัยอยู่รอบโอกาซาวาระตลอดปี ถ้าโชคดีอาจจะได้ว่ายน้ำในทะเลสีฟ้ากับโลมาก็ได้นะ พอเข้าสู่ฤดูหนาวน้ำจะเย็นลง แต่เป็นฤดูที่วาฬหลังค่อมจะกลับมาจากทะเลทางเหนือเพื่อขยายพันธุ์และเลี้ยงลูก ช่วงนี้แหละที่เราจะมีโอกาสได้เห็นวาฬกระโดดขึ้นเหนือน้ำอย่างน่าตื่นเต้น ส่วนเกาะทางใต้ที่เดินทางด้วยเรือเท่านั้นก็มีทิวทัศน์สวยงามจนถูกจดทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติ ถ้าจะไปเยี่ยมชมต้องไปพร้อมกับไกด์ที่กำหนดให้เท่านั้น ระหว่างทางบนเรือก็ชมนกพันธุ์หายากได้ด้วย ในฤดูร้อนจะได้เห็นนกบู๊บบี้สีน้ำตาล ในฤดูหนาวจะได้เห็นนกอัลบาทรอสเท้าดำ

ถัดไปเป็นภูเขา

ก่อนปี 1830 โอกาซาวาระไม่เคยมีมนุษย์มาตั้งถิ่นฐานมาก่อน ที่นี่จึงยังคงเหลือธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ถ้าเข้าไปในภูเขาจะได้พบกับพืชพันธุ์และสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอันหายากแน่นอน ไม่ว่าจะดอกกล้วยไม้แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต้นเฟิร์นที่ควรจะโตเป็นต้นเตี้ยๆแต่กลับโตจนเป็นต้นไม้ใหญ่ หรือต้นปาล์มพันธุ์ท้องถิ่นก็มีเช่นกัน เราจะได้เห็นวิวัฒนาการของเมล็ดพันธุ์ต่างๆที่ถูกคลื่นและลมพัดมาจากทั่วทิศทางจนเติบโตมาผ่านระยะเวลาอันยาวนาน พื้นที่ที่สามารถดูพืชพันธุ์หายากแบบนี้ต้องมีไกด์คอยนำทางด้วยเช่นกัน ปกติคนทั่วไปจะเข้าร่วมในทัวร์ เดินเที่ยวชมพร้อมฟังคำอธิบายจากไกด์ไปด้วย
โอกาซาวาระยังมีประวัติศาสตร์ด้านสงครามด้วย ในอดีตที่นี่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของอเมริกาอยู่ช่วงหนึ่งเช่นเดียวกับโอกินาว่า เพราะฉะนั้นเราจะได้เห็นสิ่งของที่กองทัพทหารเหลือทิ้งไว้อย่างปืนใหญ่หรือหลุมหลบภัย

หลังมื้อเย็นก็ไปเดินย่อยที่ชายหาด

นอนบนหาดฟังเสียงคลื่นพร้อมเบียร์ในมือหนึ่งข้าง เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้าจะเห็นดวงดาวส่องระยิบระยับ ถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นดาวตกหรือทางช้างเผือกด้วย ช่วงต้นฤดูร้อนเป็นฤดูที่เต่าตนุจะขึ้นมาวางไข่บนหาด ระหว่างที่คลื่นซัดมาก็ขุดหลุมอย่างขะมักเขม้นด้วยความตั้งใจที่จะให้กำเนิดอีกหลายชีวิตในบ้านเกิดเดียวกัน ถ้าได้เห็นคงอบอุ่นใจไม่น้อยเลย พยายามดูอยู่ห่างๆและไม่ใช้ไฟฉายให้เจ้าเต่าตกใจนะ

ออกจากเกาะมรดกโลกโอกาซาวาระอันยากที่จะลืม

และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายบนเกาะ ขณะที่เรือกำลังออกจากฝั่ง จังหวะกลองไทโกะก็จะเริ่มดังขึ้น เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้น “การมาส่ง” อันขึ้นชื่อของที่นี่ เรือลำเล็กหลายลำจะมาแล่นขนาบข้างเรือโอกาซาวาระมารุ พร้อมชาวเกาะที่มาโบกมือลาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่แปลกใจที่ไม่ว่าใครก็คงอยากกลับมาอีกครั้ง
โอกาซาวาระกำเนิดจากการระเบิดของภูเขาไฟกลางมหาสมุทรแปซิฟิก จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ดนตรี และประเพณีที่เติบโตมาด้วยกันกับชาวเกาะแห่งนี้
ถ้าใครยังลังเลไม่รู้จะไปที่ไหนในญี่ปุ่น ลองเก็บโอกาซาวาระไว้ในตัวเลือกนะ รับรองได้เลยว่าจะเป็นทริปที่น่าประทับใจแน่นอน
Comments