หนึ่งในการการไปพักผ่อนแบบไม่เหมือนใครที่คุณลองทำได้ที่ญี่ปุ่นก็คือการไปพักที่ฟาร์มสเตย์ ไม่เพียงแต่จะราคาถูก แต่มันยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ และเป็นมิตรกับธรรมชาติด้วย แล้วก็ ยังมีที่หลายแห่งเปิดรับนักท่องเที่ยวที่พูดภาษาอังกฤษด้วย! ลองดูที่พักแบบฟาร์มสเตย์ที่ JNTO แนะนำได้ที่นี่!

ถ้าคุณรักธรรมชาติ พื้นที่สีเขียวและโหยหาการผจญภัย การเที่ยวแบบฟาร์มสเตย์อาจเป็นสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ!

10. พื้นที่กว้างเปิดโล่ง

picture source
picture source

คุณสามารถหนีห่างจากชีวิตในเมืองที่แออัดได้ซะที ไม่มีถนนที่รถติด ไม่มีไหล่ที่เบียดเสียดของผู้คนที่มาพร้อมกลิ่นตัวของคนแปลกหน้าบนรถสาธารณะ – คุณจะได้ไปเที่ยวและค้นพบสถานที่ใหม่ ที่สำคัญที่สุด คุณจะได้หายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ขึ้นและเพลิดเพลินกับวันพักร้อนในจังหวะที่ช้าลง

9. อากาศที่สดชื่น!

picture source
picture source

ฟาร์มส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท ห่างไกลจากเมืองใหญ่ จึงมีรถยนต์น้อยกว่า ซึ่งนั่นหมายถึงว่า มีอากาศที่เป็นพิษจากโรงงาน แก๊สเผาไหม้และอื่นๆ น้อยกว่า เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ที่วุ่นวายแล้ว อากาศที่สดชื่นในญี่ปุ่นนั้นเรียกได้ว่าเป็นอีกระดับที่เหนือกว่าเลยทีเดียว แน่นอนว่า ถ้าคุณเลือกไปพักอาศัยในฟาร์มที่มีสัตว์มากมาย คุณจะต้องรับมือกับกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์ด้วย

8. วัตถุดิบสดใหม่; ไม่มีสารกันเสีย

picture source
picture source

ที่ฟาร์มสเตย์บางแห่ง คุณอาจได้รับเชิญให้เก็บเกี่ยวเครื่องปรุงในอาหารของคุณเอง หรืออาจได้รับภารกิจให้เก็บเกี่ยววัตถุดิบบางชนิดมาเพื่อใช้ในมื้ออาหารที่คุณกำลังจะได้ลิ้มลองด้วย! นี่อาจจะฟังดูไม่ค่อยน่าพึงพอใจเท่าไหร่สำหรับคนรักสะอาดที่ไม่ชอบให้มือเปื้อนดิน แต่นี่เป็นหนทางที่จะทำให้คุณรู้ได้ว่าอาหารของคุณสดใหม่แค่ไหน คุณอาจได้ซื้อวัตถุดิบที่เพิ่งเก็บเกี่ยวจากฟาร์มโดยตรงด้วยก็ได้

7. กิจกรรมที่เหมาะกับเด็กและครอบครัว

picture source
picture source

ฟาร์มสเตย์สำหรับเด็กๆ เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะสอนพวกเขาว่าอาหารมาจากไหน และจะทำงานในฟาร์มได้อย่าไงไร นอกจากนี้ ยังมีมีกิจกรรมง่ายๆ ที่ทั้งครอบครัวและเด็กๆ สามารถทำร่วมกันเป็นกลุ่มได้! อย่างไรก็ตาม หลายๆ ฟาร์มมีการกำหนดอายุของผู้เข้าร่วม และผู้ปกครองต้องรับผิดชอบในการดูแลพฤติกรรมของลูกหลาน

6. สัตว์ต่างๆ

แน่นอนว่า ในบางฟาร์ม สัตว์เหล่านั้นอาจกลายมาเป็นอาหารในจานของคุณ แต่มีสัตว์น่ารักมากมายที่คุณอาจแทบไม่เคยเห็นในเมือง บางฟาร์มอาจมีแม้กระทั่งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ เช่น การขี่ม้า การรีดนมวัว หรือการให้อาหารสัตว์

5. สำรวจภูเขาหรือป่าใกล้ๆ

picture source
picture source

ขึ้นอยู่กับฟาร์มที่คุณเลือกไป คุณอาจได้สำรวจบริเวณใกล้เคียง บางฟาร์มอยู่ใกล้กับภูเขาหรือป่า คุณจึงสามารถไปปีนเขาหรือเดินเขาได้ แต่ขอให้ระวังสัตว์ป่าและตรวจสอบกับโฮสต์ของคุณอยู่เสมอว่าบริเวณนั้นปลอดภัยหรือไม่

4. สัมผัสกิจกรรมใหม่ๆ ในฟาร์ม

Tea picking experience | picture source
picture source

บางฟาร์มนั้นเป็นฟาร์มแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ คุณจึงได้อยู่ในโฮมสเตย์ของฟาร์มแบบญี่ปุ่นจริงๆ! ไม่เพียงแต่จะได้ฝึกพูดประโยคภาษาญี่ปุ่น และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากขึ้นเท่านั้น คุณยังได้ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ เช่น อยู่ในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ทำตะเกียบไม้ไผ่ เก็บใบชา ตกปลา และอื่นๆ อีกมาก

3.พักผ่อนให้หายเหนื่อย

picture source
picture source

ในขณะที่ฟาร์มสเตย์ส่วนใหญ่มี wi-fi ในห้องพัก คุณก็สามารถเลือกที่จะนอนพักแล้วมองไปที่พื้นที่สีเขียวรอบตัวได้ สัมผัสวันพักผ่อนที่ได้กลับสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริงด้วยการไม่นำอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ติดตัวไปด้วยดูสิ

2. สนับสนุนการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ และช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม

picture source
picture source

แค่ไปเที่ยวแบบฟาร์มสเตย์ ก็อาจเรียกได้ว่าคุณกำลังช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมอยู่ เพราะการท่องเที่ยวแบบนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำมาก และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นแล้ว คุณยังกำลังสนับสนุนความพยายามของผู้คนท้องถิ่นในการรักษาฟาร์มและวิถีการใช้ชีวิตแบบยั่งยืนของพวกเขาไว้ด้วย

1. เข้าร่วมประสบการณ์ฟาร์มสเตย์ระยะยาวแบบดั้งเดิม

ถ้าคุณตกหลุมรักกับวิถีชนบท คุณสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมโครงการ WWOOF ซึ่งเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือฟาร์มแบบออร์แกนิก โยทั่วไปแล้ว คุณจะไม่ได้รับค่าแรง แต่คุณจะรับอาหารที่ยอดเยี่ยมจากฟาร์มและที่พัก แลกกับการลงแรงทำงานหนัก นอกเหนือจากนี้ คุณยังสามารถเลือกที่จะลงทะเบียนอาศัยอยู่ในฟาร์มสเตย์ได้ถึง 1 เดือนเต็ม!

ครั้งหน้า ลองไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบฟาร์มสเตย์สิ!

อ่านบทความเต็ม (ภาษาอังกฤษ) ได้ที่ WAttention Singapore

Comments